ผิวอักเสบ แห้งระคาย ดูแลได้ด้วยน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

ผิวแห้งและริ้วรอย
วิธีบำรุง ผิวอักเสบ ผิวแห้ง

ผิวอักเสบ เป็นภาวะการอักเสบของผิวหนังที่เกิดได้จากหลายสาเหตุและมีรูปแบบของอาการผิวอักเสบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ผิวแดง รู้สึกระคาย ผิว ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้นจนเป็นสาเหตุของปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา ซึ่งการดูแลและฟื้นบำรุงผิวนั้นจำเป็นต้องสังเกตลักษณะของผิวที่อักเสบว่าเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้หาสาเหตุและแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด 

ลักษณะของผิวอักเสบ

ภาวะผิวหนังอักเสบ แห้งระคาย หรือแตกเป็นแผล อาจเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ บนร่างกายและพบได้หลายลักษณะ เช่น 

  • ผิวแดง มีผื่นขึ้น พบมากในวัยทารก มีลักษณะเป็นผื่นและผิวแดงตามบริเวณข้อพับหรือลำคอด้านหน้า หากเกามาก อาจเกิดเป็นสะเก็ดตามมาได้ ผิวอักเสบลักษณะนี้ มักหายไปเองเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้ในบางราย 
  • ผิวระคาย แพ้ง่าย มักเกิดจากสารก่อภูมิแพ้หรือสารเคมีในบริเวณที่ผิวหนังสัมผัส เช่น ส่วนผสมของเคมีภัณฑ์ ผงซักฟอก หรือ น้ำยาจาน ฯลฯ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแผลพุพองหรือแสบผิวได้
  • ผิวแห้งเป็นขุย มักมีปัญหาผิวแห้ง แตก เป็นขุย หรือ หลุดลอกเป็นแผ่น หากเป็นที่หนังศีรษะจะเกิดเป็นรังแคเรื้อรัง 
  • ผิวอักเสบชนิดตุ่มใส พบได้บ่อยบริเวณมือหรือเท้า มักมีอาการคันและมีตุ่มใสพุพองเล็กๆ เกิดขึ้น 
  • ผิวอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้ผิวหนังหนาขึ้น มักพบบริเวณคางและคอ
  • ผิวแห้งแตก มักมีลักษณะผิวแห้งเป็นลักษณะกลมๆ คล้ายเหรียญบาทตามร่างกาย มักเกิดขึ้นในผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศแห้งหรือในผู้ที่มีภาวะผิวแห้ง
  • ผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน จากการที่น้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย รวมถึงส่งผลให้ผิวระคาย แพ้ง่าย และเกิดการอักเสบได้ในที่สุด

สาเหตุที่ทำให้เกิดผิวอักเสบ

สาเหตุหลักของผิวอักเสบนอกจากการสัมผัสกับสารเคมีหรือสารก่อภูมิแพ้ การใช้ยาบางชนิดหรือโรคประจำตัวแล้ว ยังเกิดจากการที่มีภาวะผิวแห้งจากปัจจัยต่างๆ ด้วย เช่น

  1. ผิวอักเสบที่เกิดจากโรคผิวหนัง เช่น โรคเซบเดิร์ม การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือ ปรสิต โรคผื่นผิวหนังอักเสบ เป็นต้น
  2. สภาพอากาศแห้ง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นและส่งผลให้ปราการผิวอ่อนแอลง
  3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ผลิตจากรังไข่ลดลง ส่งผลให้คอลลาเจนในผิวลดลง ผิวแห้งกร้าน และขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน
  4. อายุที่มากขึ้น ทำให้การสร้างไขมันที่ผิวหนังลดลง มักมีผิวแห้งแตก ระคายง่าย หรือแห้งเป็นขุย มักสังเกตได้ชัดในผู้สูงอายุ

วิธีบำรุง ผิวอักเสบ และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิว

การดูแลผิวพรรณและฟื้นบำรุงผิว ควรฟื้นบำรุงทั้งจากภายนอกและภายใน เพื่อให้โครงสร้างของผิวหนังมีความยืดหยุ่นและสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดีขึ้น รวมถึงการบำรุงผิวจากภายนอกเพื่อลดการระเหยของน้ำในผิวด้วย ดังนี้

1. ดูแลผิวอักเสบที่แห้งแตกเป็นแผล

หากผิวหนังเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดการระคายผิว จนต้องเกาบ่อยๆ และเกิดผิวแดง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ จึงควรดูแลด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการระคายผิวในเบื้องต้น เช่น การประคบเย็น หลีกเลี่ยงการถูหรือเกาแรงๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้าและผิวหนังที่อ่อนโยน เป็นต้น หากอาการรุนแรงควรเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาอาการอย่างตรงจุด

2. ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว

ในช่วงที่อากาศแห้ง อากาศหนาวเย็น หรือผู้ที่มีลักษณะผิวแห้งมาโดยกำเนิด มักเกิดการสูญเสียน้ำออกจากผิวได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนและการใช้สบู่ที่มีค่า pH สูง เพราะจะทำให้ผิวแห้งตึงและระคายได้ง่าย นอกจากนี้ยังควรบำรุงผิวหลังอาบน้ำด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วย

3.  ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

ภาวะผิวแห้งหรือผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบจากปัจจัยต่างๆ จำเป็นต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอหรืออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วต่อวัน เพื่อเป็นการชดเชยการสูญเสียน้ำออกจากผิวหนังและช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นขึ้น รวมถึงช่วยให้เซลล์ในร่างกายและระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. บำรุงผิวอักเสบด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

ปัญหาผิวแห้งที่นำไปสู่การเกิด ผิวอักเสบ ได้ง่าย อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ผิวหนัง คอลลาเจน และอีลาสติน เป็นต้น รวมไปถึงกรดไขมันจำเป็นอย่างโอเมก้า 6 (Omega-6) และกรดแกมมาไลโนเลนิก (Gamma-linolenic acid หรือ GLA) ซึ่งพบมากในน้ำมันจากเมล็ดของดอกอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose) ที่มีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ เช่น ลดอาการ PMS หรือ อาการก่อนเป็นประจำเดือน อาการวัยทองที่มักมีภาวะผิวแห้ง ผิวอักเสบ ปราการผิวอ่อนแอ เป็นต้น

ผิวอักเสบ รักษาและฟื้นบำรุงด้วยน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสกับการดูแลรักษาผิวอักเสบ

  • อีฟนิ่งพริมโรส คือ พืชชนิดหนึ่งในแถบอเมริกาเหนือที่นิยมนำเอาเมล็ดของดอกอีฟนิ่งพริมโรสมาสกัดน้ำมัน สำหรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทาภายนอกและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูลนิ่ม ที่ผ่านกรรมวิธีการสกัดด้วยความเย็น โดยประโยชน์ของน้ำมันอีฟนิงพริมโรส (Evening Primrose Oil) ที่ดีต่อการบำรุงผิวมีดังนี้
  • ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส อุดมไปด้วยกรดแกมมาไลโนเลนิก (Gamma-linolenic acid หรือ GLA) ในกลุ่มโอเมก้า 6 (Omega-6) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ และจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้น
  • ช่วยฟื้นบำรุงผิวอักเสบ โดยกรดแกมมาไลโนเลนิก หรือ GLA นั้นมีส่วนช่วยให้ผิวแห้ง ผิวแดง หรือ ผิวอักเสบ ลดลง โดยผลการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า สารสำคัญจากน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอย่าง GLA นั้น ควรมี 10% และหากรับประทานอย่างต่อเนื่อง 4-8 สัปดาห์ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น
  • ฟื้นบำรุงผิวแห้งเป็นขุย ผิวอักเสบง่าย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน รวมถึงผู้สูงอายุที่มีปัญหาผิวแห้งระคายง่ายที่มีการสร้างไขมันที่ผิวหนังลดลง โดยกรดไขมันจากน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสอาจช่วยในการทำงานและเสริมโครงสร้างของผิวหนังให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น

อ่านต่อ : เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับน้ำมัน อีฟนิ่งพริมโรส

ดังนััน ปัญหาผิวหนังอย่าง ผิวอักเสบ ผิวแห้งระคาย สามารถดูแลรักษาได้ด้วยการบำรุงผิวให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสะอาดของผิวหนัง เพื่อให้แบคทีเรียบนผิวหนังลดลง รวมถึงการบำรุงผิวทั้งจากภายในและภายนอก ด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังโดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นหรือเริ่มเข้าสู่วัยทอง เพื่อช่วยเสริมให้ปราการผิวแข็งแรง ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีภาวะผิวแห้งหรือผิวหนังอักเสบจากโรคทางผิวหนัง ควรเข้ารับการรักษาผิวอักเสบจากแพทย์ผิวหนังโดยตรง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังที่ปราศจากส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายผิว ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแรงให้ผิวและรักษาความสะอาดอยู่เสมอ จะช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดีและแข็งแรงมากขึ้น 

อ้างอิง
อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ผิวแห้งและริ้วรอย

เรื่องริ้วรอย...ไม่ว่าใครก็คอยไม่ได้

ผิวแห้งและริ้วรอย

ความเชื่อผิดๆ ของการกินคอลลาเจนสำหรับผิว