ระบบเผาผลาญพัง ตัวการสำคัญทำลดหุ่นไม่ได้ผล

ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน
ระบบเผาผลาญพัง


ปัจจุบันหลายคนหันมาสนใจสุขภาพ และออกกำลังกายกันมากขึ้น เพื่อหวังที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเอง แต่สงสัยหรือไม่ว่าทำไมผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ทั้งที่ออกกำลังกายอย่างหนัก ควบคุมอาหาร แต่น้ำหนักไม่ลดสักที… เป็นเพราะอะไร?

นั่นอาจเป็นเพราะระบบเผาผลาญกำลังทำงานผิดปกติ หรือที่เรียกว่า ‘ระบบเผาผลาญพัง’ โดยปกติระบบการเผาผลาญจะทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้ขณะกำลังหลับ แต่รู้หรือไม่ระบบเผาผลาญจะค่อยๆ ทำงานลดลงเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจะยิ่งทำให้การเผาผลาญ และมวลกล้ามเนื้อลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้การเลือกวิธีลดน้ำหนักผิดๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติได้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรอัตราการเผาผลาญพื้นฐานของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และกิจกรรมที่ทำของแต่ละคน ดังนั้นระบบเผาผลาญจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลรูปร่างและควบคุมน้ำหนัก

ระบบเผาผลาญ

ระบบเผาผลาญ (Metabolism system) คือปฏิกิริยาเคมีของร่างกาย เป็นกระบวนการนำเอาสารอาหารที่คนเรากินเข้าไปเปลี่ยนให้เป็นพลังงานเพื่อเอาไปใช้ในกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย เช่น การหายใจ การทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายใน การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นต้น

ระบบเผาผลาญพัง คืออะไร

ระบบเผาผลาญพัง (Metabolic Damage) คือ สภาวะที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารที่กินเข้าไปและนำเอาพลังงานใช้ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้พลังงานเหล่านั้นถูกเก็บสะสมเอาไว้ในรูปแบบของไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง กล้ามเนื้อและรอบๆ อวัยวะภายใจของร่างกาย จึงทำให้เพิ่มโอกาสเป็นโรคอ้วนและมีปริมาณไขมันที่มากเกินเกณฑ์มาตรฐาน

ปัจจัยที่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

1. อายุที่มากขึ้น
เป็นธรรมชาติที่ระบบต่างๆ ในร่างกาย ร่วมไปถึงระบบเผาผลาญจะเสื่อมสภาพลงเช่นกันเมื่ออายุมากขึ้น

2. ความเครียด 
ความเครียดจะทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ และยังทำให้หิวได้ง่ายมากขึ้น อยากกินจุกจิกตลอดเวลา

3. พฤติกรรมการอดอาหาร หรือควบคุมอาหารแบบผิดวิธี 
ซึ่งเป็นการทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและร่างกายจะปรับระบบการเผาผลาญให้น้อยลง เพื่อเก็บไขมันและพลังงานเอาไว้ 

4. สารเคมีและอาหารที่ตกค้างในร่างกาย 
เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้ เมื่อรับประทานเข้าไปจะรบกวนระบบการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง 

ระบบเผาผลาญพัง สังเกตได้อย่างไร

  1. ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่น้ำหนักไม่ลดลง
  2. น้ำหนักขึ้นง่าย แต่ลงยาก
  3. ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง อารมณ์แปรปรวน
  4. ปวดหัว หน้ามืดบ่อย
  5. หลับยากหรือง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
  6. ตอนเย็นจะรู้สึกสดชื่นมากกว่าตอนอื่น
  7. ความรู้สึกทางเพศลดลง
  8. ประจำเดือนขาดหรือมาไม่ปกติ

5 วิธี ฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้ดีขึ้น

  1. การออกกำลังแบบ Weight Training ควบคู่กับ Cardio
    ควรเน้นการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เช่น การยกเวท ควรใช้เวลา 2-4 วันต่อสัปดาห์ สลับเปลี่ยนท่าให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายได้ออกแรง เพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้น กล้ามเนื้อสามารถตึงน้ำตาลในกระแสเลือดมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน ทำให้น้ำตาลไม่สะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ประมาณ 30-60 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยการเผาผลาญไขมันและทำให้อัตราการเต้นของหัวใจทำงานได้ดี เพื่อให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น
  2. ดื่มน้ำเยอะๆ
    การดื่มน้ำมากๆ เป็นการช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงานได้มากขึ้น จากผลการศึกษาของนักวิจัย Virginia Tech เมืองแบล็กส์เบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย ระบุเอาไว้ว่า คนที่ดื่มน้ำ 8 ออนซ์ ประมาณ 8-12 ครั้งต่อวัน จะเพิ่มอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นกว่าคนที่ดื่มน้ำเพียง 4 ครั้งต่อวัน ดื่มน้ำให้ได้ 500 มิลลิลิตร จะสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ถึง 30% นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำหลังตื่นนอน หรือก่อนอาหารเช้า จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
  3. เน้นรับประทานโปรตีน
    โปรตีนคือสารอาหารที่สำคัญต่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้กับร่างกาย คนที่มีระบบเผาผลาญพังควรเน้นกินโปรตีนให้มากขึ้นเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันในร่างกายได้อีกด้วย โดยมีผลงานวิจัยยืนยันว่าการกินโปรตีนมากขึ้น ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 20-30% สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถเลือกรับประทานอาหารมื้อทดแทนที่ให้โปรตีนสูงและแคลอรี่ต่ำได้โดยไม่ต้องอดอาหารและยังช่วยลดความอยากอาหาร สามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่กิน ซึ่งเป็นการควบคุมน้ำหนักที่เห็นผลได้แบบยั่งยืน
  4. ชาเขียวช่วยเพิ่มการเผาผลาญ
    ชาเขียวมีสารสำคัญชื่อว่า ‘คาเทชิน’ (Catechins) ซึ่งเป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นและเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหารให้ดีขึ้น และยังช่วยยับยั้งขบวนการย่อยไขมัน ทำให้ไขมันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดชาเขียวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทำให้รับประทานได้สะดวกขึ้นและเป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้การควบคุมน้ำหนัก
  5. สารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน
    เมื่อควบคุมน้ำหนักได้แล้ว การดูแลรูปร่างให้ดีขึ้น สามารถเลือกใช้ตัวช่วยเพื่อช่วยกระชับสัดส่วนอย่างสารสกัดจากเมล็ดทานตะวัน (Conjugated Linoleic Acid) หรือ CLA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็น กลุ่มโอเมก้า-6 ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องได้รับจากการกินเท่านั้น มีประโยชน์ช่วยในการยับยั้งการสะสมไขมันใหม่ที่เข้ามาในร่างกายและช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันเก่าที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้การควบคุมน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน

‘ระบบเผาผลาญพัง’ ตัวการสำคัญทำลดหุ่นไม่ได้ผล

เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

7 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเวย์โปรตีน

เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ทุกเรื่องเวย์โปรตีนที่คุณต้องรู้