ตอบปัญหา Apple Cider Vinegar พร้อมวิธีรับประทานที่ถูกต้อง

ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน
apple cider vinegar วิธีกินให้ได้ประโยชน์

หลายคนทราบกันดีว่า Apple Cider Vinegar หรือ แอปเปิลไซเดอร์ นั้น มีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมน้ำหนัก ลดการกินจุบจิบ ตลอดจนการดูแลผิวหนัง และ สุขภาพด้านอื่นๆ แต่หลายคนยังกังวลในเรื่อง โทษของแอปเปิลไซเดอร์ ที่มักมีข้อสงสัยว่า จะทำให้เกิดภาวะกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร หรือ แม้กระทั่งฟันกร่อน หรือ อาการเสียวฟันด้วยหรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลชนิดต่างๆ มาดูกันว่า ความเข้าใจผิด หรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น จากการรับประทานแอปเปิลไซเดอร์มีอะไรบ้าง และ วิธีรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ที่ถูกต้องควรทำอย่างไร 

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังรับประทาน Apple Cider Vinegar

การรับประทาน Apple Cider Vinegar ผิดวิธี และ ความเข้าใจผิด ไม่ว่าจะเป็น การดื่มแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมน้ำ การดื่มปริมาณมากเกินไป หรือ เกินขนาดที่แนะนำ เพื่อหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ เช่น

  • อาการปวดท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หลายคนที่รับประทาน Apple Cider Vinegar อาจรู้สึกปวดท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงผู้ที่มีปัญหาโรคกระเพาะ หรือ กรดไหลย้อน อาจรู้สึกว่าอาการแย่ลง เมื่อรับประทาน Apple Cider Vinegar ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากรับประทานอย่างถูกวิธี และ เจือจางก่อนรับประทาน มักจะไม่มีโทษต่อร่างกาย แต่หากรับประทานในปริมาณ หรือ ความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร บางรายอาจเกิดอาการแสบร้อน ปวดท้อง ท้องอืด หรือ อาหารไม่ย่อยได้นั่นเอง
  • อาการเสียวฟัน ระคายเคืองเยื่อบุในช่องปาก หลายคนที่รับประทาน Apple Cider Vinegar เป็นประจำ อาจรู้สึกว่ามีอาการเสียวฟันมากขึ้น หรือ ระคายเคืองเยื่อบุในช่องปาก โดยเฉพาะเมื่อดื่มโดยไม่เจือจาง หรือ ใช้กลั้วปากเป็นประจำ เนื่องจากในแอปเปิลไซเดอร์มีความเป็นกรดสูง อาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อน จึงรู้สึกเสียวฟันเมื่อดื่มน้ำเย็น อาจเกิดการระคายเคืองช่องปาก ลำคอ หรือ กระเพาะอาหารได้ในบางคน อย่างไรก็ตาม การกลั้วปากด้วยแอปเปิลไซเดอร์ทุกเช้า มีส่วนช่วยล้างคราบบนฟัน และ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ แต่ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดตามทุกครั้ง และ ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมถึงขณะที่ดื่มแอปเปิลไซเดอร์ ควรเจือจางและอาจใช้หลอดดูดในการรับประทาน
  • เจ็บคอ แสบคอ หลังรับประทาน การดื่มแอปเปิลไซเดอร์โดยไม่เจือจาง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหลอดอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดอาหารเป็นทุนเดิม รวมถึงเด็กเล็ก และเด็กวัยรุ่นที่อาจมีระบบของอวัยวะและเนื้อเยื่อทางเดินอาหารที่บอบบาง การดื่มแอปเปิลไซเดอร์ที่มีความเป็นกรดสูง โดยไม่ได้เจือจางให้เหมาะสม อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร จึงรู้สึกแสบร้อนในช่องปากและลำคอได้
  • ปัญหาอื่นๆ เนื่องจากแอปเปิลไซเดอร์อาจมีปฏิกิริยากับยาที่กินอยู่ เช่น ยาขับปัสสาวะ  ยารักษาโรคเบาหวาน ยาระบาย และ ยารักษาโรคหัวใจ โดยอาจรบกวนการดูดซึมยาบางชนิด และอาจเปลี่ยนแปลงระดับอินซูลินได้ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และรับประทานยาเป็นประจำ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน

จะเห็นได้ว่า วิธีการรับประทานแอปเปิลไซเดอร์แบบผิดๆ หรือ หวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อาจนำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการรับประทาน การทำความเข้าใจประเภท ประโยชน์ และ การรับประทานที่ถูกวิธี จะช่วยให้การรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ได้ประโยชน์สูงสุด และ ไม่เกิดโทษต่อร่างกาย

อ่านต่อ : ประโยชน์ของแอปเปิลไซเดอร์

วิธีรับประทาน Apple Cider Vinegar ให้ได้ประโยชน์

การรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ที่ถูกต้องในปริมาณที่เหมาะสม อาจขึ้นอยู่กับประเภทของแอปเปิลไซเดอร์ เช่น แอปเปิลไซเดอร์แบบเม็ด แบบเยลลีกัมมี หรือ แบบน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล โดยวิธีการรับประทานโดยทั่วไปสามารถทำได้ดังนี้ 

  1. การรับประทานน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล จะต้องรับประทานแบบเจือจางเท่านั้น เช่น ผสมกับน้ำสะอาด ผสมกับน้ำผลไม้ หรือ ผสมกับน้ำมัน เพื่อปรุงอาหาร เป็นต้น เนื่องจากมีความเป็นกรดสูง และ อาจระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ โดยอัตราส่วนในการผสม คือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำสะอาด 1 แก้ว (240 มิลลิลิตร) สำหรับผู้ที่เริ่มต้น ควรเริ่มจาก 1 ช้อนชาก่อนในสัปดาห์แรก และ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
  2. การผสมน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ควรใช้น้ำอุ่น หรือ น้ำเย็น (ไม่ควรใช้น้ำร้อน) คนให้เข้ากัน และ ดื่มผ่านหลอดแก้ว หรือ หลอดซิลิโคน จากนั้นให้ดื่มน้ำสะอาดตาม หรือ บ้วนปากหลังดื่มทุกครั้ง
  3. รับประทานแอปเปิลไซเดอร์ก่อนมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำย่อย และ ช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น จึงช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อที่เกิดจากอาหารไม่ย่อยได้อีกด้วย
  4. หากรู้สึกว่ารับประทานยาก สามารถเลือกรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ในรูปแบบกัมมี หรือ เยลลีที่รสชาติอร่อย รับประทานง่าย แต่ได้ประโยชน์จากแอปเปิลไซเดอร์ และ วิตามินหลายชนิด ซึ่งการเลือกแอปเปิลไซเดอร์กัมมี ควรมีส่วนผสมของใยอาหาร ไม่มีน้ำตาล และ มีปริมาณของแอปเปิลไซเดอร์ที่เพียงพอ หรือ 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน
วิธีกิน apple cider vinegar แบบน้ำและแบบเยลลีกัมมี

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

หากต้องการควบคุมน้ำหนัก รับประทาน Apple Cider Vinegar แบบไหนดี?

แอปเปิลไซเดอร์ แอปเปิลไซเดอร์หรือ น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ที่มีประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนักและรูปร่าง ควรมีวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย เช่น แอปเปิลไซเดอร์สูตรออแกนิก หรือ แบบมีตะกอน แอปเปิลไซเดอร์แบบกัมมี ที่ปราศจากน้ำตาลและอุดมไปด้วยใยอาหาร เป็นต้น ซึ่งเคยมีการทดลองบริโภคน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลสูตรออร์แกนิกแบบมีตะกอน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 มิลลิลิตรโดยเจือจางกับน้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้าและเย็น พบว่า  กลุ่มตัวอย่างมีเส้นรอบวงเอวลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีแนวโน้มของการลดลงของเส้นรอบวงสะโพก ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ จะเห็นได้ว่า น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลที่มีเอนไซม์และโพรไบโอติกที่ดีต่อลำไส้ และดีต่อระบบขับถ่ายนั้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนของเส้นรอบวงเอวมากขึ้น

Apple Cider Vinegar ควรรับประทานวันละกี่ครั้ง?

หากเป็นน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล สามารถรับประทานได้วันละ 1-2 ครั้ง หรือ ปริมาณไม่เกิน 30 มิลลิลิตรต่อวัน หากรับประทานในรูปแบบกัมมี สามารถรับประทานตามฉลากข้างกล่อง เช่น หากต้องการได้รับแอปเปิลไซเดอร์ 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 6 ชิ้น ต่อวัน สามารถแบ่งรับประทานครั้งละ 2 ชิ้น ก่อนอาหาร 3 มื้อ เป็นต้น ซึ่งข้อดีของการรับประทานแอปเปิลไซเดอร์กัมมีนั้นจะช่วยให้รับประทานง่าย อิ่มนานขึ้น กลิ่นและรสชาติดีกว่า รวมถึงได้รับประโยชน์จากแอปเปิลไซเดอร์ได้อย่างครบถ้วน

Apple Cider Vinegar รับประทานตอนไหนดี?

เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ขณะท้องว่างมาเป็นเวลานาน หลังรับประทานยา หรือ ช่วงก่อนนอน เพราะอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนในผู้ที่เคยมีประวัติเป็นโรคกรดไหลย้อนได้ 

ใครที่ควรหลีกเลี่ยง

เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพและโทษของการรับประทานแอปเปิลไซเดอร์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ ควรหลีกลี่ยง หรือ ปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน ได้แก่ ผู้ป่วยโรคกระเพาะ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟัน สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่รับประทานยาประจำ และผู้ที่รับประทานแอปเปิลไซเดอร์ปริมาณมากเกินไป  เป็นระยะเวลานาน เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ และ โรคกระดูกพรุนได้

ดังนั้น การรับประทาน Apple Cider Vinegar อย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง สิ่งสำคัญ คือ ในช่วงแรกควรเริ่มรับประทานจากปริมาณน้อยๆ ผสมกับน้ำสะอาด หรือ เจือจางในอัตราส่วนที่เหมาะสม และคอยสังเกตอาการของร่างกาย หากพบความผิดปกติ ควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์ รวมถึงการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานและประเภทของแอปเปิลไซเดอร์ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยให้การรับประทานแอปเปิลไซเดอร์เกิดประโยชน์มากที่สุดนั่นเอง

อ้างอิง
  1. Thai Journal of Public Health Vol.50 No.3 (Sep-Dec 2020) 
  2. Pobpad
  3. ฐานข้อมูล MEGA We care
อัลบั้มภาพ

ข่าวสุขภาพอื่นๆ

ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน

‘ระบบเผาผลาญพัง’ ตัวการสำคัญทำลดหุ่นไม่ได้ผล

เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

7 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเวย์โปรตีน

เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

ทุกเรื่องเวย์โปรตีนที่คุณต้องรู้